ฝึกหายใจ สร้างสวย ออกซิเจนเทอราปี
ออกซิเจนที่ได้จากการหายใจอย่างถูกวิธีช่วยเสริมการเผาผลาญอาหาร แถมมีผลพลอยได้เรื่องความงามทำให้ผิวสวยและช่วยลดความอ้วน แต่ในทางกลับกันการหายใจผิดวิธีก็เร่งกระบวนการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ทำให้แก่เร็วขึ้นได้ค่ะ
หายใจผิด ตัวการทำลายผิว
หายใจเร็วเร่งสร้างอนุมูลอิสระ อย่างที่ทราบกันว่าอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของความแก่ ทำให้ผิวเสีย มีริ้วรอยเหี่ยวย่น อนุมูลอิสระในร่างกายเราเกิดจากหลายสาเหตุ รวมถึงของเสียจากการเผาผลาญอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ซึ่งในกระบวนการเผาผลาญจะต้องใช้ออกซิเจนจากการหายใจของเรา ดังนั้นหากเราหายใจเร็วหรือถี่ก็จะยิ่งเร่งการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เกิดของเสียซึ่งเป็นอนุมูลอิสระเป็นทวีคูณ ผิวจึงเสียเร็วขึ้นตามไปด้วย
จากผลการวิจัยเรื่องออกซิเจนเทอราปีของแพทย์หญิงวิไล ธนสารอักษร อาจารย์พิเศษ หน่วยตรวจโรคผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี กับคนไข้ซึ่งมีอาการโรคผิวหนังเรื้อรัง พบว่า ?วิธีดังกล่าวช่วยลดสิวและการอักเสบของโรคสะเก็ดเงิน โดยแพทย์หญิงวิไลกล่าวว่า หลังจากคนไข้หายใจได้ถูกวิธี คือช้าและลึก ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น ออกซิเจนจะแทรกซึมเข้าไปทำลายแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว และลดการอักเสบของโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงินได้ แถมลดความเครียดซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของความแก่ชรา ช่วยตัดวงจรอนุมูลอิสระ และช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับเปล่งปลั่งสดใสได้เหมือนเดิม?
ฝึกหายใจสร้างสวย
คนเราหายใจปกติ 18-23 ครั้งต่อนาที มีผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัย เกียวโตในประเทศญี่ปุ่นพบว่า คนที่มีอายุเฉลี่ยมากคือ 90 ปีขึ้นไป มีอัตราการเต้นชีพจรน้อยกว่า 72 ครั้งต่อนาที และหายใจประมาณ 16 ครั้งต่อนาที พฤติกรรมการหายใจที่ดีนี้ฝึกได้ด้วยตัวเองเพียงนั่งลงในที่อากาศปลอดโปร่ง เริ่มจากหายใจเอาอากาศไม่ดีในร่างกายเราออกก่อน โดยหายใจออกอย่างช้าๆ หลังจากนั้นจึงสูดอากาศดีเข้าทางจมูกช้าๆ จนเต็มปอด แล้วกลั้นหายใจ นับ 1-2-3-4-5 ตามด้วยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ ทำวันละ 3 รอบ รอบละ 20 นาที
ขณะที่เรากลั้นหายใจอยู่ ออกซิเจนที่เคลื่อนเข้าไปในปอดจะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เมื่อออกซิเจนนี้ไปซ่อมแซมตัวเอง นอกจากนี้ยังพบว่า หากฝึกหายใจอย่างต่อเนื่องจะทำให้มีสมาธิ ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารความสุข (เอนดอร์ฟิน) มากยิ่งขึ้นด้วย ขั้นตอนการสร้างสวยสุขภาพดีด้วยการหายใจเป็นเรื่องง่ายขอเพียงฝึกอย่างสม่ำเสมอ คุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน ๓ เดือนค่ะ
ที่มาของข้อมูล นิตยสาร HEALTH&CUISINE ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ หน้า๓๐-๓๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น